ในสมัยก่อนเมื่อหลายสิบปีมาแล้วประเทศไทยประสบปัญหากับพี่เศรษฐกิจที่เรียกว่าต้มยำกุ้งซึ่งในครั้งนั้นมีเจ้าของกิจการหลายคนที่ต้องปิดกิจการลงและบางคนก็รับสถานะของตนเองไม่ได้ฆ่าตัวตายก็เยอะซึ่งในครั้งนั้นถือว่าประเทศไทยประสบความล้มเหลวด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมากไปในที่สุดสถานการณ์อันเลวร้ายก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ประเทศไทยกลับมาเจริญรุ่งเรืองเหมือนเดิมและเศรษฐกิจดีขึ้นแต่เมื่อต้นปี พ.ศ.2563 ที่ผ่านมานี้สถานะของประเทศไทยกับเลวร้ายคล้ายกับช่วงที่มีปัญหาต้มยำกุ้งเนื่องจากมีการระบาดของไวรัสที่ชื่อว่าโคโรน่า สถานการณ์เลวร้ายซึ่งหลายคนมองว่าคล้ายๆกับต้มยำกุ้งเมื่อหลายปีที่ผ่านมา
แต่จากสถิติของกิจการที่ปิดตัวลงและจำนวนประชาชนที่ต้องตกงานและยังมีแนวโน้มที่จะต้องตกงานอีกหลายร้อยล้านคนนั้นทำให้หลายคนเริ่มมองว่าพิษของโควิดนั้นรุนแรงเลวร้ายกว่าสถานการณ์ตอนพิษต้มยำกุ้งอย่างมากมายเลยทีเดียวเนื่องจากว่าปัจจุบันนี้ไม่ว่าโรงงานหรือธุรกิจร้านค้าต่างๆเริ่มทยอยปิดกิจการลงมากซึ่งนับได้ตอนนี้ก็มากกว่า 4,000 กว่าแห่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วและแนวโน้มยังมีจะเพิ่มอีกอย่างแน่นอน
ในขณะที่จำนวนคนที่ตกงานจากการปิดกิจการนั้นก็มากกว่า 3 ล้านคนแล้วและแน่นอนว่าในอนาคตย่อมต้องมีคนตกงานเพิ่มเพราะนอกจากจะมีคนตกงานที่มีอยู่แล้วยังจะมีนักศึกษาที่เรียนจบใหม่และกำลังจะต้องเริ่มออกหางานทำซึ่งแน่นอนว่าเมื่อธุรกิจและเศรษฐกิจเป็นแบบนี้การหางานทำของนักศึกษาจบใหม่นั้น
ย่อมเป็นเรื่องที่ยากลำบากเป็นอย่างมากดังนั้นมีแนวโน้มว่าน่าจะมีคนตกงานในปีนี้มากถึง 8 ล้านคนเลยก็ว่าได้หากสถานการณ์ของเศรษฐกิจประเทศไทยยังคงเป็นเหมือนอยู่เช่นอย่างตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยลงและธุรกิจที่ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ว่าสถานการณ์ของการระบาดของไวรัสนั้นยังไม่ตกลงจะส่งผลให้ประชาชนเกิดความยากจนลง
ข้าวของก็จะแพงขึ้นและเมื่อเป็นเช่นนี้สิ่งที่จะตามมาก็คือจะมีโจรขโมยชุกชุมมากขึ้นและมีการก่อเหตุอาชญากรรมมากขึ้นนั่นเองซึ่งสถานการณ์แบบนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการหาทางป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นเพราะถ้าหากมันเกิดขึ้นแล้วการแก้ไขให้มันดีขึ้นนั้นจะต้องใช้เวลานานและค่อนข้างลำบากมากเลยทีเดียวดังนั้นสิ่งที่ต้องเร่งฟื้นฟูตั้งแต่ตอนนี้ก็คือพยายามหางานให้กับประชาชนที่ตกงานทำให้ได้และเร่งฟื้นฟูกิจการต่างๆที่มีแนวโน้มว่ากำลังจะต้องปิดกิจการลงเพราะพิษของเศรษฐกิจนั่นเอง
สนับสนุนโดย gclub